แชร์

การประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

อัพเดทล่าสุด: 24 ต.ค. 2024
275 ผู้เข้าชม

การประเมินผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัว (privacy impact assessment) หรือ การประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(data protection impact assessment, DPIA) เริ่มใช้ครั้งแรกในประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ในช่วงปี 1990 โดยหน่วยงานของภาครัฐ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของภาครัฐต่อประชาชน ก่อนที่จะถูกพัฒนาเรื่อย ๆ มาจนเป็น DPIA อย่างที่มีการใช้แพร่หลายในปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า DPIA เป็นกลไกการกำกับดูแลและเตือนภัยล่วงหน้า (ex-ante mechanism) โดยมุ่งเป้าไปที่การระบุผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นและบรรเทาผลกระทบของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคล

การจัดทำ DPIA จึงเป็นประโยชน์ในแง่ของการลดความเสี่ยงอันอาจจะเกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งยังลดโอกาสให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่อาจเกิดความบกพร่องหรือกระทำการใด ๆ ที่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไม่เป็นไปตามที่พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ การจัดทำ DPIA ทำให้ผู้จัดทำหรือผู้ที่มีหน้าที่ในการรับผิดชอบดูแลหรือใช้ข้อมูลสามารถระบุได้ชัดเจนขึ้นว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนนั้นถูกเก็บรวบรวม (collect) จัดเก็บ (store) ใช้ (use) และลบ (delete) อย่างไร

ผู้ประกอบการบางรายอาจมีความจำเป็นต้องจัดให้มีการจัดทำ DPIA เนื่องจากพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ​ ได้กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ต้องประเมินผลกระทบของความเสี่ยงที่มีต่อข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งมีหน้าที่ในการจัดให้มีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและประเภทของข้อมูลในข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผล

และในกรณีที่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น หากพิจารณาตามเงื่อนไขของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ จะเห็นได้ว่ามีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดทำ DPIA เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลไปในทิศทางเดียวกันกับเงื่อนไขและข้อกำหนดของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ในประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

(1) ในกรณีผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อเจ้าของข้อมูลร้องขอ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล​ฯ ม.30)

(2) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ และต้องทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล​ฯ ม.37 (1))

(3) แจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมกับแนวทางการเยียวยาแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล​ฯ ม.37 (4))

(4) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องจัดให้มีบันทึกรายการในกรณีที่การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล​ฯ ม.39 และ 40)

(5) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องจัดให้มีคำอธิบายเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล​ฯ ม.39 และ 40)

จากเงื่อนไขของพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ในเบื้องต้นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจึงต้องทำการประเมินว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนนั้น มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศอังกฤษ หรือ ICO (Information Commissioners Office) ได้ให้คำแนะนำต่อกรณีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลที่สอดคล้องกับ UK Data Protection Act 2018 และ GDPR ไว้เป็น 3 กรณีดังต่อไปนี้

(1) การประมวลผลหรือโปรไฟลิ่ง (Profiling, การประมวลผลด้วยระบบอัตโนมัติ) ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก ซึ่งการประมวลผลหรือโปรไฟลิ่งข้อมูลดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบสำคัญต่อบุคคล เช่น การประมวลผลที่มีผลกระทบต่อการได้มาหรือการเสียสิทธิของบุคคลตามกฎหมาย

(2) การประมวลผลข้อมูลอ่อนไหว อาทิ ข้อมูลด้านสุขภาพ หรือข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม

(3) การใช้ระบบในการตรวจตราพื้นที่สาธารณะที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น การใช้ระบบกล้องวงจรปิดเพื่อประมวลอัตลักษณ์ของบุคคลในพื้นที่สาธารณะ

โดยในการเริ่มต้นทำ DPIA ผู้จัดทำควรมีวัตถุประสงค์ในการมุ่งที่จะระบุความเสี่ยงที่จะกระทบต่อสิทธิหรือความเป็นอิสระของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจึงต้องครอบคลุม 4 ประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้

(1) อธิบายถึงลักษณะ ขอบเขตการใช้ และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

(2) พิจารณาถึงความจำเป็น ความได้สัดส่วน และมาตรการปฏิบัติตามกฎหมาย

(3) ระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแก่บุคคล และ

(4) จัดให้มีมาตรการในการลดหรือจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

การจัดทำการประเมินผลกระทบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบกิจการเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.​คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ​ และในแง่ของการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินถึงข้อบกพร่องต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อสามารถปรับปรุงโครงสร้างการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและมีความปลอดภัยในแง่ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

มีข้อน่าสังเกตประการสำคัญคือ ตาม GDPR (Article 35(7)(c)) และพ.ร.บ.​คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ คือ กรณีของผลกระทบต่อ สิทธิและเสรีภาพ (rights and freedoms) ที่กฎหมายอ้างถึงนั้น น่าจะไม่ใช่หมายความถึงเพียงสิทธิในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ควรหมายความรวมถึงผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานอื่น ๆ ด้วย (fundamental rights) อาทิ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น กรณีนี้การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงจะยังผลให้เป็นการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของปัจเจกชนอย่างแท้จริง



ศุภวัชร์ มาลานนท์
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Max Planck Institute Luxembourg

ชิโนภาส อุดมผล
Optimum Solution Defined (OSD Co., Ltd.)


บทความที่เกี่ยวข้อง
CrowdStrike หน้าที่และความรับผิดตาม PDPA เป็นของใคร
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA กำหนดหน้าที่ขององค์กรที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ CrowdStrike ไว้ดังนี้
20 ก.พ. 2025
Digital Twins แบบจำลองดิจิทัล (Digital Replicas)
แบบจำลองดิจิทัล (Digital Replicas) หรือที่เรียกกันว่า "ฝาแฝดดิจิทัล" (Digital Twins) คือการจำลองเสมือนจริงของวัตถุหรือระบบทางกายภาพ
20 ก.พ. 2025
สิทธิในการลบ Apple ID / Apple Account ของผู้ใช้บริการ
สิทธิในการขอให้องค์กรที่ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการลบหรือทำลายข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตนเอง (Right to erasure)
20 ก.พ. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy